คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากหูฟังมีสาย jbl มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง หูฟังมีสาย jbl และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา หูฟังมีสาย jbl วันนี้ทางเราได้จัด แนะนำ หูฟังมีสาย jblยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!
2. JBL Tune Flex หูฟังไร้สาย true wireless
หูฟังจากทาง JBL ในรุ่น Tune Flex นั้นเป็นหูฟังที่มีดีไซน์โดดเด่นสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวันอีกด้วยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้นหูฟัง JBl Tune Flex จะมีดีไซน์ที่ไม่ซ้ําใครโดยสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds ในตัวเดียวกันตัวบอดี้ของหูฟังถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างสบาย พกพาสะดวก ตัวหูฟังใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสและทําให้ไม่มีปุ่มกดใดๆ บนตัวหูฟัง โดยในกล่องจะมาพร้อมกับจุกหูฟัง 2 สไตล์และเคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Tune Flex - เคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ - ชุดจุกหูฟังซิลิโคน - จุก open eartip - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นหูฟัง JBL Tune Flex จะใช้การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth 5.2 โดยสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและเมื่อใช้งานร่วมกับเคสจะสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 32 ชั่วโมง ตัวหูฟังยังรองรับการ Fast Charge ที่ชาร์ตเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานถึง 2 ชั่วโมง (ระยะเวลาของการใช้งานจะขึ้นอยู่กับระดับเสียงและฟังก์ชันที่ใช้งาน) ภายในของหูฟัง JBL Tune Flex จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 12 มม. ที่จากแบรนด์ปรับปรุงขึ้นมาทําให้สามารถตอบสนองความถี่ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน มาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 4 ตัว ทําให้สามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด จุดเด่นของหูฟัง JBL Tune Flex ก็คือระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ที่สามารถตัดเสียงรบกวนต่างๆจากภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมีฟังก์ชัน Ambient Aware สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างใช้งาน ทําให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงรอบตัวแม้จะไม่ได้ถอดหูฟังออกก็ตาม นอกจากนี้ยังหูฟังยังรองรับการปรับแต่งฟังก์ชันต่างๆได้ผ่านแอป JBL Headphones App ได้อีกด้วย ในส่วนของการป้องกันน้ํานั้น JBL Tune Flex สามารถป้องกันน้ําได้ในระดับ IPX4 ทําให้สามารถใส่ออกกําลังกายหรือทํากิจกรรมกลางแจ้งได้แต่อย่างไรก็ตามตัวหูฟังจะไม่สามารถใส่อาบน้ําหรือใส่ว่ายน้ําได้ครับ คุณภาพเสียง ในส่วนคุณภาพเสียงนั้น JBL Tune Flex นั้นจะแยกเสียงเป็นสองแบบ แบบที่ 1 ในสไตล์ In-Ear จะให้เบสที่มาเป็นลูกใหญ่มีความกระแทกกระทั้นดุดันแต่คุมมวลเสียงได้ดีไม่ล้นไปกวนเสียงกลาง ให้เสียงร้องที่ติดอุ่นเล็กน้อยมีน้ํามีนวล เวทีเสียงขนาดปานกลางและให้เสียงสูงมีความสดสว่างฟังเพลงได้สนุกคึกคักเลยทีเดียวครับ แบบที่ 2 ในสไตล์ของ Earbuds ถือว่าเป็นรุ่นที่ให้เสียงได้กว้างขวาง รู้สึกโปร่งไม่อับทึบ เสียงเบสเก็บตัวไวขึ้นกว่าแบบ In-Ear แต่ยังคงมีแรงปะทะที่มากพอสําหรับหูฟัง Earbuds จึงไม่รู้สึกขาดเบสไป เสียงเครื่องสายชัดเจนขึ้นใสขึ้น เสียงสูงลดความสดลงเล็กน้อยแต่ได้ความเป็นธรรมชาติเพิ่มขึ้นครับ โดยรวมแล้วไม่ว่าจะใช้งานในสไตล์ของหูฟัง In-Ear หรือ Earbuds ก็ให้เสียงที่เหมาะสมและฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้อย่างครบครันสุด ๆ เลยทีเดียว สรุปเกี่ยวกับหูฟัง JBL Tune Flex โดยรวมแล้วหูฟัง JBL Tune Flex เป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นไม่ซ้ําใคร ตัวหูฟังสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds ในตัวเดียวกัน มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และฟังก์ชัน Ambient Aware สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างการใช้งานโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ท
3. หูฟังบลูทูธ JB_L Tune 230NC TWS หูฟังบลูทูธ True Wireless Earbuds Bluetooth Microphone Earbuds For IOS/Android/Ipad หูฟังกันน้ําแบบสปอร์ตไร้สาย มีการร
หูฟัง บลูทูธ ไร้ สาย
4. JBL Soundgear Sense หูฟัง truewireless
หูฟังจากทาง JBL ในรุ่น Soundgear Sense เป็นหูฟังชนิด Open Ear ที่ออกแบบมาให้สวมใส่สบาย สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก โดยตัวหูฟังยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี OpenSound ที่สามารถให้เสียงต่างๆได้อย่างครบถ้วน และยังสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้นหูฟัง JBL Soundgear Sense จะเป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆของทางแบรนด์ครับโดยตัวไดรเวอร์จะอยู่ด้านข้างของตัวใบหูแทน ทําให้สามารถสวมใส่ได้สบายสุดๆ และภายในกล่องจะมาพร้อมสายสําหรับคล้องตัวหูฟังสําหรับการใส่ออกกําลังทําให้มั่นใจได้ว่าตัวหูฟังจะไม่หลุดร่วงระหว่างการออกกําลังกายแน่นอนครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Soundgear Sense - เคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ - สายคล้องคอ - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นหูฟัง JBL Soundgear Sense จะเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วผ่านทาง Bluetooth 5.3 โดยสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและเมื่อใช้งานร่วมกับตัวเคสจะสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังรองรับ quick charge ที่ชาร์จเพียง 15 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง ภายในของหูฟัง JBL Soundgear Sense จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 16.2mm ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ด้วยอัลกอริธึมในการให้เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ โดยให้เสียงเบสที่หนักแน่น ฟังได้สนุก และมาพร้อมกับเทคโนโลยี OpenSound ที่จะส่งเสียงไปยังภายในหูของตรง ทําให้สามารถได้ยินเสียงต่างๆได้อย่างครบถ้วนครับ และในส่วนของการตั้งค่าต่างๆของตัวหูฟัง JBL Soundgear Sense สามารถทําได้ผ่านทางตัวแอป My JBL Headphones ทั้งการควบคุม การเพิ่ม/ลดระดับเสียง การตั้งค่า EQ และอื่นๆอีกมากมายได้ที่แอปได้เลยครับ ในส่วนของการป้องกันน้ํานั้นหูฟัง JBL Soundgear Sense จะออกแบบมาให้ทนน้ําได้ในระดับ IP54 ที่สามารถโดนน้ํากระเด็นใส่ได้เล็กน้อยจึงสามารถนําออกไปใช้ทํากิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกําลังกายได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวหูฟังจะไม่สามารถใส่อาบน้ําหรือว่ายน้ําได้ครับ สรุปเกี่ยวกับหูฟังไร้สาย JBL Soundgear Sense โดยรวมแล้วหูฟังไร้สาย JBL Soundgear Sense เป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบ Open Ear ที่สวมใส่ได้สบาย โดยไม่รู้สึกอึดอัด ตัวหูฟังจะใช้ไดรเวอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ที่จะให้เสียงเบสอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างได้เต็มที่และยังมาพร้อมกับสายคล้องคอสําหรับการใช้ในการออกกําลังกายได้อีกด้วยครับ ข้อมูลจําเพาะ JBL
5. หูฟังไร้สาย หูฟังบลูทูธ เอียร์บัดไร้สายที่แท้จริง หูฟัง Tune 230NC ตัดเสียงรบกวน กันน้ํา กันเหงื่อ ใส่สบายตลอดวัน
หูฟังบลูทูธ สินค้าขายดี. หูฟัง bluetooth ไร้สาย. หูฟัง bluetooth เบสดีๆ. หูฟัง บลูทูธ ไร้ สาย. หูฟังไร้สายbluetooth
6. JBL Everest Elite 100 BT หูฟังไร้สาย
JBL Everest Elite 100 BT หูฟังบลูทธไร้สายที่ออกแบบมาให้ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมขนาดไดรเวอร์ 13.5 มม. ถ่ายทอดคุณภาพเสียงออกมาได้อย่างทรงพลังและระบบฟังก์ชั่น ActiveNoise Cancelling ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 90% รูปทรงการออกแบบที่ทันสมัย โดยในส่วนของก้านคล้องคอมีน้ําหนักเบา รองรับกับสรีระการสวมใส่ได้เป็นอย่างดี เบาสบาย และไม่ทําให้รู้สึกอึดอัดเลยล่ะครับ มีสีให้เลือกกันสองสี คือสีขาว และสีดําครับ ส่วนน้ําเสียงนั้นจะออกทางโทนจะแจ้งหัวโน็ตชัดเจน ด้วยเนื้อเบสที่ลูกโตพอสมควรแต่ไม่บวมเบลอรบกวนย่านอื่นครับ อิมแพคแรงปะทะหนักแน่น ดีฟเบสลงลึกพอประมาณ ย่านเสียงปลายแหลมคมชัดจัดจ้าน เสียงร้องชัดถ้อยชัดคํามีเนื้อเสียงที่ดี กลางแหลมเปิดพอสมควรครับ เวทีเสียงกว้างขนาดพอตัวไม่โอ่โถ่งหรือรู้สึกคับแคบ โดยรวมเจ้า EVEREST ELITE 100 BT ฟังมันส์สนุกรุกเร้าทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเลือกแนว POP, ROCK, R&B, หรือ EDM ก็ให้เสียงที่น่าประทับใจมากเลยล่ะครับผม โดยสินค้ารับประกัน 1 ปีครับ สําหรับท่านใดที่สนใจสามารถแวะเข้ามาทดลองฟังได้ที่ร้านมั่นคงแก็ดเจ็ททุกสาขาครับผม JBL
7. JBL Tour Pro 2 หูฟังไร้สาย เคสหน้าจอสัมผัส
หูฟังไร้สายจากทาง JBL ในรุ่น Tour Pro 2 เป็นหูฟัง turewireless ที่มีดีไซน์การออกแบบตัวเคสของหูฟังที่ไม่เหมือนเคยมีในหูฟังรุ่นไหนมาก่อนโดยจะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสสําหรับการควบคุมตัวหูฟัง หรือการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านที่ตัวเคสเลยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น JBL Tour Pro 2 จะเป็นหูฟัง in ear ชนิด turewireless โดยตัวบอดี้ของหูฟังจะออกแบบมาให้มีขนาดที่พอเหมาะสวมใส่สบาย และมีน้ําหนักที่เบา โดยตัวเคสนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 1.45 นิ้ว บนตัวเคส ที่ตัวหูฟังควบคุมผ่านการสัมผัสทําให้ไม่มีปุ่มกดใดๆอยู่บนตัวหูฟัง และยังมาพร้อมกับสีให้เลือกด้วยกันสองสีได้แก่สี Black และสี Champagne อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Tour Pro 2 - เคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ - ชุดจุกหูฟัง - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นหูฟัง JBL Tour Pro 2 จะใช้การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth 5.3 โดยตัวหูฟังจะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและเมื่อใช้งานร่วมกับเคสจะสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 40 ชั่วโมง (ระยะเวลาการใช้งานจะแตกต่างกันตามฟังก์ชันและระดับเสียงที่ใช้งาน) ภายในของหูฟัง JBL Tour Pro 2 จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 10mm ที่สามารถตอบสนองต่อเสียงต่างๆได้เป็นอย่างดี ให้รายละเอียดเสียงที่ชัดเจนและมาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 6 ตัวที่ค่อยตัดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนาทําให้สามารถรับเสียงพูดได้อย่างชัดเจน โดยจุดเด่นของหูฟังนั้นก็คือ ตัวเคสที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสนั่นเองครับ โดยที่ตัวหน้าจอจะรองรับทั้งการควบคุมหูฟัง การตั้งค่าต่างๆ การตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการแสดงการแจ้งเตือนของมือถือ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังบนหน้าจอตัวเคสได้ตามที่ต้องการอีกด้วยครับ นอกจากนี้ JBL Tour Pro 2 ยังมาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ที่สามารถตัดเสียงรบกวนต่างๆ จากภายนอกได้เป็นอย่างดี, ฟังก์ชัน Ambient สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างใช้งาน ทําให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงรอบตัวแม้จะไม่ได้ถอดหูฟังออกก็ตาม และยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน TalkThru สําหรับการรับเสียงพูดเข้ามาภายในหูฟัง และสําหรับการกันน้ําหูฟัง JBL Tour Pro 2 สามารถกันน้ําได้ในระดับ IPX5 ที่สามารถโดนเหงื่อและละอองน้ํากระเด็นใส่ได้ทําให้สามารถใส่ออกกําลังกายและทํากิจกรรมกลางแจ้งได้ครับ โดยสามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านแอป JBL Headphone ได้เลยครับ คุณภาพเสียง ในส่วนของเรื่องเสียงนั้น JBL Tour Pro 2 สําหรับในรุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นระดับ Pro จากทาง JBL ฉะนั้นเรื่องเสียงทางแบรนด์ได้จูนมาอย่างดีมาก ๆ สิ่งแรกที่จะสัมผัสได้เลยก็คือเสียงร้องที่มีตัวมีตนไม่พุ่งมาด้านหน้ามากจนเกินไปแต่เป็นเสียงร้องที่ฟังง่ายชัดเจนดี เสียงเบสเนื้อแน่นปะทะได้แรงตามสไตล์ของ JBL แต่ตัวเบสจะชัดไม่คลุมเครือถือว่าเป็นเสียงเบสที่มีคุณภาพเลยทีเดียว เสียงกีตาร์มีอิมเมจชัดเจนฟังเพลงที่เป็นกีตาร์โปร่งก็สะอาดใส พอฟังเพลงร็อกก็ได้เสียงกีตาร์ที่ดิบ ๆ ฟังสนุกเลยล่ะครับ ในย่านเสียงสูงแตกต่างจาก JBL รุ่นอื่น ๆ มาก เพราะลอยขึ้นได้สุดโดยไม่ฟุ้ง มีเนื้อเสียงที่ดีไม่บางเลยแม้แต่น้อย โดยรวมถือว่าเป็น JBL ที่เสียงดีมาก ๆ สมกับเป็นรุ่นสูงของค่าย แฟน ๆ สามารถคาดหวังรายละเอียดของเจ้า Tour Pro 2 ตัวนี้ได้เลย อยากจะฟังแนวเพลงแบบไหนก็ให้เสียงออกมาดีจริง ๆ ครับ สรุปเกี่ยวกับหูฟังไร้สาย JBL Tour Pro 2 โดยรวมแล้วหูฟังไร้สาย JBL Tour Pro 2 เป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบที่ไม่ซ้ําใคร โดยตัวเคสจะมาพร้อมหน้